Safety first! เอาตัวรอดจากอัคคีภัยบนรถบัสอย่างไร

วิธีรับมือเมื่อเกิดอัคคีภัยบนรถบัส

อัคคีภัยบนรถบัสเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันกลับสร้างความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนคืนได้ ความรุนแรงของไฟที่ลามอย่างรวดเร็ว ประกอบกับพื้นที่จำกัดและความโกลาหลในหมู่ผู้โดยสาร ทำให้การเอาตัวรอดในสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เพราะจะต้องควบคุมสติและมีความรู้อย่างถูกต้อง หากคุณสงสัยว่า “หากเกิดไฟไหม้บนรถบัสควรทำอย่างไร?” บทความนี้มีคำตอบ

เราจะพาคุณไปดูวิธีเอาตัวรอดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ตั้งแต่การรับมือกับไฟไหม้บนรถบัส การหาทางออกฉุกเฉิน ไปจนถึงการจัดการกับความตื่นตระหนกของตัวเองและผู้อื่น เพราะเมื่อชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย การมีแผนสำรองและความพร้อมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

5 วิธีเบื้องต้นเอาตัวรอดจากอัคคีภัยบนรถบัส

1. สังเกตทางออกฉุกเฉิน
   ก่อนที่รถบัสจะเคลื่อนตัวออกจากสถานี สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการสังเกตตำแหน่งของทางออกฉุกเฉินบนรถบัส เพื่อให้ทราบล่วงหน้าว่าประตูฉุกเฉินอยู่ตรงไหน หน้าต่างที่ออกแบบให้เปิดได้ในกรณีฉุกเฉินอยู่จุดใด และตำแหน่งของอุปกรณ์ฉุกเฉินอย่างค้อนทุบกระจกหรือถังดับเพลิงถูกติดตั้งไว้ใกล้ที่ใด ถือเป็นการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
   
   การมองหาทางออกฉุกเฉินเป็นอันดับแรกหลังจากขึ้นรถเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะในสถานการณ์จริง ทุกวินาทีมีค่า การรู้ว่าตัวต้องเคลื่อนไปในทิศทางใดจะช่วยลดความสับสนในสภาวะโกลาหล ทั้งยังลดความเสี่ยงในการถูกเบียดเสียดหรือชนกันกับผู้อื่น นอกจากนี้ ให้สังเกตด้วยว่าอุปกรณ์ฉุกเฉินยังอยู่ในตำแหน่งและสภาพที่ใช้งานได้จริงหรือไม่
   
   
2. ตั้งสติและประเมินสถานการณ์
   เมื่อไฟลุกไหม้ขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือตั้งสติและควบคุมอารมณ์ อย่าปล่อยให้ความกลัวครอบงำ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติกลับมา เพราะการตัดสินใจในภาวะวิกฤตต้องอาศัยความนิ่งและการคิดอย่างมีเหตุผล จากนั้นจึงค่อยสำรวจตำแหน่งของไฟและเส้นทางที่ควันกำลังเคลื่อนตัว ควันมักจะลอยขึ้นด้านบนและเป็นอันตรายมากกว่าที่คิด อีกทั้งยังลดการมองเห็นของเราได้อย่างรวดเร็ว ควรมองหาทางออกฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการหลบหนี
   
   
3. หมอบต่ำและปิดจมูกเพื่อป้องกันควันพิษ
   เมื่อเกิดไฟไหม้ ควันพิษคือภัยเงียบที่อันตรายมากกว่าเปลวไฟเสียอีก สารพิษในควัน เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์และไฮโดรเจนไซยาไนด์ สามารถทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที สิ่งสำคัญที่สุดในการเอาตัวรอดคือการเลี่ยงการสูดดมควันให้น้อยที่สุด
   
   

   หากพบว่าควันเริ่มลอยฟุ้งในอากาศ ให้รีบใช้เสื้อผ้า ผ้าขนหนู หรือผ้าใดๆ ที่อยู่ใกล้ตัวชุบน้ำ (หรือหากไม่มีน้ำ ใช้ผ้าแห้งแทน) ปิดจมูกและปากทันที วิธีนี้ช่วยกรองควันและลดการสูดดมสารพิษที่อยู่ในอากาศได้ระดับหนึ่ง พร้อมกับการหมอบต่ำลง เนื่องจากควันจะลอยขึ้นด้านบน การเคลื่อนที่ในระดับต่ำจะช่วยให้คุณอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์มากกว่า หลีกเลี่ยงการยืนตรงหรือเงยหน้าขึ้นในบริเวณที่เต็มไปด้วยควัน

4. รีบออกจากรถให้เร็วที่สุด
   หากคุณสามารถเข้าถึงทางออกฉุกเฉินบนรถบัสได้ ให้เปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อหลบหนีออกจากตัวรถทันที หากประตูหรือหน้าต่างไม่สามารถใช้งานได้ให้ใช้ “ค้อนทุบกระจก” โดยเทคนิคสำคัญในการใช้ค้อนทุบกระจกคือเล็งไปที่มุมของกระจก เพราะบริเวณนี้เปราะบางกว่าตรงกลางและแตกได้ง่ายกว่า หลังจากกระจกแตกแล้ว ให้ใช้อุปกรณ์หรือเสื้อผ้าปัดเศษกระจกที่เหลือออกก่อนเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ในระหว่างที่พยายามหลบหนี อย่าหยุดหรือย้อนกลับไปเก็บของส่วนตัว เพราะเป้าหมายสูงสุดคือการออกจากตัวรถให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อออกมาถึงที่ปลอดภัยแล้วให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
   
   
5. เรียนรู้และฝึกฝนก่อนเกิดเหตุการณ์
   การเตรียมตัวล่วงหน้า คือเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในการรับมือกับอัคคีภัยบนรถบัส การมีความรู้และความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉินจะช่วยลดความตื่นตระหนกและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับคุณและผู้โดยสารรอบข้างได้ เช่น ศึกษาวิธีใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน หรือฝึกซ้อมแผนการเอาตัวรอด เป็นต้น

สาเหตุของอัคคีภัยบนรถบัส เกิดจากอะไร?

• ระบบไฟฟ้าขัดข้อง : สายไฟที่เสื่อมสภาพ การเดินสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่เหมาะสม ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรบนรถบัสได้
  
  
• เครื่องยนต์และระบบเชื้อเพลิง : ความร้อนจากเครื่องยนต์ น้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว หรือระบบระบายความร้อนที่ทำงานผิดปกติ สามารถทำให้เกิดการลุกไหม้ในห้องเครื่อง ไฟที่เริ่มต้นจากจุดนี้มักลุกลามรวดเร็วและยากต่อการควบคุม
  
  
• อุปกรณ์และวัสดุที่ติดไฟง่าย : วัสดุที่ใช้ในส่วนต่างๆ ของรถบัส เช่น เบาะที่นั่ง ผ้าม่าน สามารถเป็นเชื้อไฟที่ทำให้เปลวไฟลุกลามรวดเร็วในกรณีเกิดประกายไฟ แม้แต่สัมภาระที่ผู้โดยสารนำขึ้นรถ เช่น สารไวไฟ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียม ก็สามารถเป็นตัวจุดไฟได้
  
  
• อุบัติเหตุและปัจจัยภายนอก : อุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น การชนที่รุนแรง อาจทำให้เกิดการรั่วของน้ำมันหรือประกายไฟจากการเสียดสี และกลายเป็นต้นเหตุของไฟไหม้ นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอก เช่น การจุดพลุหรือการกระทำของผู้ไม่หวังดี ก็สามารถนำไปสู่อัคคีภัยได้

วิธีการตรวจสอบยานยนต์เพื่อป้องกันอัคคีภัยบนรถบัส

1. ตรวจสอบระบบไฟฟ้า
   • ตรวจเช็คสายไฟและการเดินระบบไฟฟ้าภายในรถบัสอย่างละเอียด
   • ตรวจสอบแบตเตอรี่และระบบชาร์จไฟ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมหรือความเสียหายที่อาจทำให้เกิดประกายไฟ
     
     
2. ดูแลระบบเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์
   • ตรวจสอบท่อส่งน้ำมันและรอยต่อของระบบเชื้อเพลิงเพื่อหาจุดรั่วซึม
   • ตรวจเช็คเครื่องยนต์ว่ามีความร้อนสูงผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากเครื่องยนต์ที่ทำงานเกินกำลังอาจเป็นแหล่งจุดประกายไฟได้
   • เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนด
     
     
3. การตรวจสอบยานยนต์เชิงป้องกัน (Preventive Maintenance)
   • ดำเนินการตรวจเช็คยานยนต์ตามตารางเวลาที่กำหนด โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
   • ใช้เทคโนโลยีตรวจจับความผิดปกติ เช่น เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนหรือควัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

อัคคีภัยบนรถบัสเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่การเตรียมพร้อมทั้งความรู้ การสังเกต และการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การตรวจสอบระบบความปลอดภัยของรถ การประเมินสถานการณ์ และการเรียนรู้ที่จะวิธีใช้อุปกรณ์ฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้

และหากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการรถโดยสารที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด บริษัท ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป จำกัด พร้อมให้บริการรถบัสคุณภาพเยี่ยม รถบัสให้เช่า พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน ด้วยประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพ เรามุ่งมั่นสร้างความมั่นใจในทุกการเดินทางของคุณ เพราะความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้าคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเรา