พาคุณสู่โลกสีเขียว ลด Carbon Footprint ไปด้วยกัน กับรถบัสไฟฟ้า ธนัชวิชญ์ แทรเวล

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศบนโลกหรือที่เรียกว่า Climate Change ถือเป็น Mega Trend ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เพราะการเกิด Climate Change ส่งผลกระทบต่อโลกและผู้คนในหลายด้าน เช่น การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก, การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกและการขยายตัวของน้ำทะเล, การเพิ่มขึ้นของโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อนหรือโรคที่แพร่กระจายผ่านน้ำ รวมถึงปัญหาทางสุขภาพจากมลพิษ ฉะนั้น วิธีการที่จะสามารถรับมือกับ Climate Change ที่ดีก็คือการจัดทำ “Carbon Footprint” จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดภาระของสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสภาวะนี้ และการปรับตัวต่อผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลจากบทความอ้างอิงจาก TDRI ในบทความเรื่อง แรงกดดัน…ของภาคขนส่งที่ทำให้ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องลด CO2 (https://tdri.or.th/2023/12/transition-transportation-lowcarbon/) ระบุไว้ว่า ภาคการขนส่งไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) กว่าร้อยละ 30 ของการปล่อยก๊าซในภาพรวม โดยการขนส่งทางถนนปล่อย CO2 สูงที่สุด เฉลี่ยถึงร้อยละ 87… จึงทำให้มีมาตรการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี 2021-2030 โดยมุ่งไปสู่การลดปริมาณการปล่อย CO2 สำหรับการขนส่งทางถนนเป็นหลัก เช่น ส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้าหรือรถบัสไฟฟ้า, เพิ่มประสิทธิภาพยานยนต์, พัฒนาระบบขนส่งในเมืองและพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างเมืองเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutral

“Carbon Footprint” คืออะไร?

คาร์บอนฟุตปริ๊นต์ คือปริมาณก๊าซเรือนกระจก (เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), มีเทน (CH₄), ไนตรัสออกไซด์ (N₂O)) ที่ถูกปล่อยออกมาในชั้นบรรยากาศอันเป็นผลมาจากกิจกรรมหรือกระบวนการต่างๆ ของมนุษย์ เช่น การใช้ไฟฟ้า, การใช้เชื้อเพลิง, การใช้พลังงานความร้อนหรือการขนส่ง โดยก๊าซเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งทำให้โลกร้อนขึ้น 

โดยในแต่ละกระบวนการทำงานในองค์กรธุรกิจล้วนปล่อย Carbon Footprint ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยโดยตรง ผ่านการเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต, การขนส่งสินค้าโดยยานพาหนะ, การใช้ไฟฟ้า, พลังงานความร้อน หรือจะเป็นปล่อยทางอ้อม เช่น การใช้กระดาษ, วัสดุอุปกรณ์ในการทำงาน, ลดการเดินทางมาทำงานของบุคลากรภายในองค์กร Business transportation & travel เป็นต้น

ความสำคัญของการลด Carbon Footprint

• การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา จะช่วยลดความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกได้ นอกจากนั้น การลดการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เราสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนมากขึ้นด้วย
  

• ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ : การลด Carbon Footprint คือการลดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การนำพลังงานทดแทนมาใช้ อย่างการใช้รถ EV หรือรถบัสไฟฟ้า, การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้มีความประหยัดพลังงาน และการลดของเสียในกระบวนการผลิต สามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการของเสีย นำมาซึ่งการลดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนของธุรกิจได้ นั่นเอง
  

• สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ : ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการลด Carbon Footprint สามารถสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีเรื่องความใส่ใจสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสามารถทำให้ธุรกิจมีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง และสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่สนใจในเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมได้
  

• ปฏิบัติตามกฎกติกาใหม่ CBAM 2030 ในการทำดำเนินธุรกิจระดับสากล : CBAM หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism เป็นมาตรการที่สหภาพยุโรป (EU) เสนอขึ้นเพื่อจัดการกับการรั่วไหลของคาร์บอน (carbon leakage) และส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก โดย CBAM มีเป้าหมายเพื่อให้ราคาของคาร์บอนสะท้อนถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า ไม่ว่าจะผลิตภายในหรือภายนอกสหภาพยุโรป ซึ่ง CBAM จะเป็นเครื่องมือสำคัญของ EU ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลก ไม่เพียงแต่ใน EU แต่ยังในประเทศคู่ค้าที่ต้องการทำการค้ากับ EU อีกด้วย
  
  
• โอกาสทางธุรกิจในอนาคต : การทำธุรกิจที่มีความยั่งยืนสามารถเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ ที่มีความต้องการสินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สืบเนื่องจากการมีกฎกติกาใหม่ CBAM 2030 ที่เราได้กล่าวไปแล้วนั้น จะช่วยให้ธุรกิจของคุณส่งออกไปยังตลาดยุโรปได้ง่ายมากขึ้น นั่นเอง

วิธีการลด Carbon Footprint ทำได้อย่างไรบ้าง?

• ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต : โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น เช่น การใช้พลังงานสะอาด, ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านหรือสำนักงาน และเลือกใช้พลังงานทดแทน อย่าง พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลมหรือการใช้รถบัสไฟฟ้า ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานเชื้อเพลิง
  

• นำนโยบาย 3R มาใช้ในองค์กร : 3R คือแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ประกอบด้วยหลักการสามข้อหลักคือ Reduce (ลดการใช้), Reuse (การนำกลับมาใช้ใหม่) และRecycle (การนำกลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบอื่น)โดยแนวคิดนี้มุ่งเน้นการลดปริมาณของเสีย การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยทำให้ลดปริมาณขยะที่ต้องถูกนำไปกำจัด, ประหยัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและที่สำคัญคือลด Carbon Footprint นั่นเอง
  

• ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของบุคลากรในองค์กร สู่ รถบัสไฟฟ้า (EV bus) : เช่น การลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และเลือกใช้การเดินทางด้วยจักรยาน การเดินเท้า หรือขนส่งสาธารณะ หรือการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นยานพาหนะส่วนตัว ไปจนถึงการใช้ รถบัสไฟฟ้า ในการรับส่งพนักงานหรือการออกไปประชุมสัมมนา เป็นต้น

ทั้งหมดนี้คือแนวทางและความสำคัญของการลด Carbon Footprint เพื่อผลักดันให้ทั้งภาคธุรกิจและบุคคลโดยทั่วไป ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากองค์กรท่านกำลังที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือมีแผนไอเดียดำเนินธุรกิจสีเขียว (Green Business) ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป จำกัด เราเป็นบริษัทให้บริการเช่ารถโดยสารชั้นนำแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งพร้อมตอบโจทย์การเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนการปรับเปลี่ยนให้องค์กรท่านเป็นมิตรต่อธรรมชาติและสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ ด้วยบริการไม่ว่าจะเป็นให้เช่ารถบัสไฟฟ้าหรือ EV Bus ในการขนส่ง, จัดนำเที่ยวหรืองานอบรมสัมมนา พร้อม Complimentary มากมาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายกับผู้ที่ร่วมสัมมนา ที่เต็มใจส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมและความมั่นใจในความปลอดภัยทุกการเดินทางของคุณ ด้วยพนักงานขับรถที่มีความชำนาญและประสบการณ์การขับรถกว่า 7 ปี คอยบริการให้คุณตลอดการเดินทาง