วางแผนท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ ด้วยรถบัสนำเที่ยวอย่างไร ให้สนุกและคุ้มค่าตลอดทริป

ช่วงที่อากาศเย็นสบายน่าเที่ยวหรือมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน หลายครอบครัวก็เริ่มวางแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดกันแล้ว หรือบางบริษัท บางหน่วยงานก็อาจมีการพาพนักงานในองค์กรไปเที่ยวพักผ่อนประจำปี โดยส่วนใหญ่จะมีการเช่ารถบัสนำเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเป็นหมู่คณะ เพื่อให้สมาชิกในทริปท่องเที่ยว ไม่ต้องลำบากขับรถไปกันเอง แต่แค่มีรถบัสนำเที่ยวอย่างเดียว อาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ทริปท่องเที่ยวของคุณสมบูรณ์แบบและคุ้มค่าได้ เพราะจะต้องมีการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวให้รัดกุมในทุก ๆ ขั้นตอน เพื่อให้เพื่อนร่วมทริปพึงพอใจ และคุ้มค่ากับเงินที่ใช้สำหรับทริปท่องเที่ยวนั้น ๆ

แล้วจะทำอย่างไรให้ทริปท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะของคุณทั้งสนุก สะดวกสบาย และคุ้มค่าสุด ๆ ล่ะ มาดูขั้นตอนวางแผนการท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะให้ทริปของคุณเป็นทริปแสนสนุกและน่าประทับใจ

1.เลือกจังหวัดที่ต้องการไปเที่ยว

ก่อนอื่นควรเลือกจังหวัดที่ต้องการไปเที่ยวเสียก่อน อาจใช้วิธีโหวตว่าจังหวัดไหน เป็นจังหวัดที่เพื่อนร่วมทริปอยากไปมากที่สุด หากเป็นหน้าร้อน ก็อาจจะเหมาะกับการไปท่องเที่ยวที่เมืองชายทะเลทางภาคตะวันออกหรือทางภาคใต้ แต่หากเป็นหน้าหนาว การไปเที่ยวจังหวัดทางภาคเหนือ ก็จะเป็นช่วงที่อากาศกำลังเย็นสบาย แถมทิวทัศน์ยังสวยงามอีกด้วย

2.เลือกที่พัก

เมื่อเลือกจังหวัดที่ต้องการไปได้แล้ว ให้ดูว่ามีที่พักไหนที่คุณและเพื่อนร่วมทริปสนใจอยากเข้าพัก โดยนอกจากจะต้องเลือกหาที่พักที่มีห้องพักเพียงพอสำหรับการพักเป็นหมู่คณะแล้ว ยังต้องตรวจสอบดูอีกด้วยว่า ที่พักแห่งนั้นมีบริการเสริมอะไรบ้าง อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสนใจหรือไม่ และมีพื้นที่กว้างมากพอให้รถบัสนำเที่ยวเข้าไปจอดได้หรือไม่

ซึ่งหากไปท่องเที่ยวกันเป็นครอบครัว ก็สามารถเลือกห้องพักแบบแฟมิลี่ รูม ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องชุดที่มีห้องย่อยหลายห้องรวมกันอยู่ในห้องเดียว หรืออาจเลือกโรงแรมที่ทีห้องพักแบบดอร์ม เพื่อเพิ่มความสนุกให้กับทริปของครอบครัว แต่หากเป็นทริปท่องเที่ยวของพนักงานบริษัทหรือเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการต่าง ๆ การจองที่พักแบบรีสอร์ทหรือบังกะโลที่ห้องพักมีลักษณะเป็นบ้าน ก็จะเหมาะกับการเข้าพักเป็นหมู่คณะ และเหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆมากกว่า

3.เลือกสถานที่ท่องเที่ยว

แต่ละทริปจะสนุกและคุ้มค่าได้ ก็จะต้องมีการวางแผนการท่องเที่ยวให้รัดกุม ว่าจะไปสถานที่ใดบ้าง โดยจัดเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวในแต่ละวัน ซึ่งอาจแบ่งออกเป็นหลาย ๆ โปรแกรม ตามความชื่นชอบของเพื่อนร่วมทริปก็ได้ เพราะบางคนอาจจะชอบท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ชมภูเขา น้ำตก หรือทะเล แต่บางคนก็อาจจะชอบไปตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ที่เป็นแลนด์มาร์คของจังหวัดนั้น ๆ และบางคนอาจจะชอบไปคาเฟ่หรือร้านอาหารสวย ๆ

ซึ่งหากแบ่งทริปท่องเที่ยวออกเป็นหลายทริปแล้ว คุณจะต้องวางแผนการใช้งานรถบัสนำเที่ยวประจำทริปให้ดี โดยอาจให้ทุกคนออกไปพร้อมกัน และให้รถบัสนำเที่ยวแวะส่งแต่ละกลุ่มตามสถานที่ที่แบ่งไว้ จากนั้นจึงให้รถบัสนำเที่ยวแวะกลับมารับแต่ละกลุ่มอีกที หรือหากสามารถรวมกันไปเที่ยวสถานที่เดียวทั้งกลุ่มได้ ก็จะเป็นการสะดวกและประหยัดในการใช้งานรถบัสนำเที่ยวได้มากกว่า

4.จองรถบัสนำเที่ยว

มาถึงขั้นตอนสำคัญที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด นั่นคือการจองรถบัสนำเที่ยว ที่จะทำหน้าที่พาคุณเคลื่อนตัวออกจากสถานที่นัดพบ แล้วพาไปยังจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว และรถบัสนำเที่ยวยังมีหน้าที่พาคุณแวะไปตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่คุณได้วางแผนไว้อีกด้วย

ซึ่งการเลือกใช้บริการรถบัสนำเที่ยวนั้น อันดับแรกต้องดูจากจำนวนคนในทริปว่ามีทั้งหมดกี่คน จากนั้นจึงเลือกรถบัสนำเที่ยวให้สามารถรองรับจำนวนคนทั้งหมดได้ เช่น หากมีคนในทริปไม่เกิน 10 คน ก็เลือกใช้บริการรถตู้ หากมีคนในทริปจำนวน 30-39 คน ก็ควรเลือกรถบัสนำเที่ยวขนาด 30-39 ที่นั่ง หรือหากมีคนในทริปจำนวน 40 คน ก็สามารถเลือกรถบัสนำเที่ยวแบบชั้นเดียว 40 ที่นั่งได้ และถ้ามีคนในทริปตั้งแต่ 40-50 คน ก็ควรเลือกรถบัสนำเที่ยวสองชั้นแบบ 50 ที่นั่ง ซึ่งนอกจากจะต้องเลือกรถบัสนำเที่ยวให้พอดีกับจำนวนคนแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการเก็บสัมภาระในตัวรถอีกด้วย

โดยรถบัสนำเที่ยวแบบต่าง ๆ นี้ นอกจากจะต้องพิจารณาจากจำนวนที่นั่งแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงชื่อเสียงของบริษัทรถบัสนำเที่ยวด้วย ว่าการให้บริการมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน มีการบำรุงรักษารถบัสนำเที่ยวของตนเองอย่างไร และอาจดูด้วยว่ารถบัสนำเที่ยวของบริษัทนั้น ๆ เป็นของยี่ห้ออะไร เป็นรถประกอบไทยหรือรถนำเข้า เพราะบางหน่วยงานอาจให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานของรถที่ใช้ นอกจากนี้ยังต้องดูด้วยว่าในรถบัสนำเที่ยวนั้นมีบริการเสริมพิเศษอะไรให้บ้าง เช่น สแน็ค บ๊อกซ์ ไกด์นำเที่ยว หรือตำรวจนำขบวน

5.หาไกด์นำเที่ยว

หากคุณต้องการให้ทริปท่องเที่ยวของคุณสนุกและคุ้มค่า อาจเลือกใช้บริการไกด์นำเที่ยว ให้พาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดที่คุณไป ซึ่งหากอยากได้เกร็ดความรู้ของสถานที่นั้น ๆ ก็อาจจะเลือกไกด์ที่เน้นการบรรยาย หรืออาจเลือกใช้บริการไกด์ที่รถบัสนำเที่ยวเป็นผู้จัดหาให้ก็ได้

6.เก็บเงินกองกลางสำหรับจองที่พัก จองรสบัสนำเที่ยว และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในทริป

ทริปของคุณจะไม่สะดุด หากมีการเก็บเงินกองกลางไว้ก่อน ซึ่งหากเป็นการท่องเที่ยวที่หน่วยงานเป็นผู้พาไป ค่าที่พักและค่ารถบัสนำเที่ยว ทางหน่วยงานก็อาจเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ แต่หากต้องการให้มีมื้อพิเศษหรือการท่องเที่ยวในรูปแบบพิเศษ เช่น ล่องเรือสปีดโบ๊ท หรือล่องแพ ก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเอง ซึ่งหากวางแผนกิจกรรมพิเศษเหล่านี้ไว้แล้ว ก็ควรมีการเก็บเงินกองกลางล่วงหน้า เพื่อให้สามารถจัดกิจกรรมได้ตามที่วางแผนไว้

7.จัดเวลาไปเยี่ยมชมแต่ละสถานที่

ทริปท่องเที่ยวที่รัดกุมและมีการเตรียมตัวมาดี อาจต้องทำตารางกำหนดการเที่ยวออกมา และแจกจ่ายให้กับทุกคนในทริปได้ทราบว่า ในแต่ละวันจะมีการไปเที่ยว ไปพักผ่อน หรือไปรับประทานอาหารที่ไหนบ้าง โดยควรมีการกำหนดช่วงเวลาของแต่ละโปรแกรมเอาไว้ด้วย เพื่อไม่ให้อยู่ที่สถานที่ใดนานเกินไป และเพื่อให้รถบัสนำเที่ยวสามารถวางแผนเส้นทางล่วงหน้าได้ด้วย แต่ทั้งนี้ตารางท่องเที่ยวที่วางไว้ ก็ควรยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์

8.ค้นหาร้านอาหารที่สามารถรองรับคนเป็นหมู่คณะ

ทุกทริปย่อมต้องมีเรื่องอาหารการกินเป็นสีสันของทริป ซึ่งหากคุณเดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัสนำเที่ยวเป็นหมู่คณะ ที่มีคนในทริปมากกว่า 20 คนขึ้นไป การค้นหาร้านอาหารที่จะไปในแต่ละวันเอาไว้ล่วงหน้า และทำการจองห้องหรือจองโต๊ะเอาไว้ก่อน ก็จะช่วยให้ได้รับความสะดวกสบายมากกว่า เพราะหากไปกันเป็นหมู่คณะขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้จองห้องหรือจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า เมื่อไปถึงก็อาจไม่มีที่นั่งที่เพียงพอสำหรับทุกคน นอกจากนี้คุณยังสามารถสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าได้ และโทรแจ้งทางร้านให้เริ่มทำอาหาร เมื่อคำนวณเส้นทางว่ารถบัสนำเที่ยวใกล้จะถึงร้านแล้ว เพื่อให้เพื่อนร่วมทริปทุกคนได้รับประทานอาหารอย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องเสียเวลารอนาน ซึ่งอาจทำให้ตารางการท่องเที่ยวหลังจากนั้นรวนได้ และที่สำคัญ การค้นหาร้านอาหารเอาไว้ก่อน จะช่วยให้คุณมีเวลาค้นหาร้านอาหารที่มีที่จอดรถใหญ่พอให้รถบัสนำเที่ยวเข้าไปจอดได้

9.ค้นหาร้านของฝากประจำจังหวัด

การไปเที่ยวต่างจังหวัดนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกอย่าง คือการแวะซื้อของฝากประจำจังหวัด ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นร้านของฝากขนาดใหญ่หรือตลาดที่มีของในท้องถิ่นให้เลือกซื้อ โดยคุณอาจวางแผนให้รถบัสนำเที่ยวพาไปแวะที่ร้านของฝากในวันสุดท้ายของทริป หรือให้รถบัสนำเที่ยวแวะร้านของฝากระหว่างเส้นทางขากลับก็ได้ เพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาเลือกซื้อของกันได้อย่างสบายใจ

10.ซื้อประกันภัยการเดินทาง

หากเดินทางโดยรถบัสนำเที่ยวหรือรถตู้ให้เช่า ควรซื้อประกันภัยการเดินทางหรือประกันท่องเที่ยวในประเทศเอาไว้ด้วย เพื่อความไม่ประมาท เพราะแม้คนขับรถบัสนำเที่ยวหรือคนขับรถตู้จะขับดีแล้ว แต่ก็อาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ทุกเวลา ดังนั้นจึงควรให้เพื่อนร่วมทริปทุกคนซื้อประกันภัยการเดินทางเอาไว้ก่อนออกเดินทางด้วย ซึ่งหากเป็นการท่องเที่ยวที่บริษัทหรือหน่วยงานพาพนักงานไปออกทริป ก็ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางบริษัทหรือหน่วยงานได้ซื้อประกันภัยการเดินทางให้ผู้ร่วมทริปทุกคนแล้ว

เพราะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ประกันภัยการเดินทางจะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล การเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และจ่ายค่าเสียหายให้กับบุคคลภายนอก

และหากคุณกำลังมองหารถบัสนำเที่ยวหรือรถตู้นำเที่ยวที่ให้บริการอย่างมีคุณภาพ และมีมาตรฐานความปลอดภัย ลองเลือกใช้บริการของ ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป ผู้ให้บริการเช่ารถบัส รถบัสนำเที่ยว รถทัวร์นำเที่ยว รถตู้ รถโค้ชปรับอากาศ และรถลองบัส ขนาดตั้งแต่ 30, 40 และ 50 ที่นั่ง ด้วยรถที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับ World class โดยมีรถบัสนำเที่ยวให้เลือกใช้บริการทั้งรถนำเข้า และรถประกอบในไทย ที่มีอายุการใช้ไม่เกิน 7 ปี ธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป มีรถยุโรปหลายยี่ห้อให้เลือกใช้งานทั้ง Volvo จาก Sweden, Scania จาก Sweden, M.A.N. จาก Germany และ Zhong Tong รถนำเข้าจากจีน

โดยรถบัสนำเที่ยวของธนัชวิชญ์ แทรเวล กรุ๊ป ทุกคันได้รับการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี พร้อมด้วยคนขับรถที่ชำนาญการ และระบบรักษาความปลอดภัยในการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีมาตรฐานสูงกว่ารถบัสนำเที่ยวทั่วไป เช่น GPS Tracking System, Mobile DVR, CCTV, Reversing Camera, VTR แนะนำการใช้รถ คุณจึงสามารถวางใจได้ในความปลอดภัยตลอดทริปท่องเที่ยวของคุณ